ความรอบรู้ในข้อกฎปฏิบัติสำหรับการรับจำนำรถ

การรับจำนำรถ หากไม่สำรวจหลักฐานเกี่ยวกับรถให้ดีว่า รถคันที่ตนเองรับจำนำไว้นั้น เป็นรถที่ถูกต้องตามนิติหรือไม่ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะไม่เข้าใจในข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ว่าทรัพย์ใดจำนำได้ ทรัพย์ใดจำนำไม่ได้ บุคคลใดเป็นผู้มีสิทธิ์นำไปจำนำได้ บุคคลใดไม่มีสิทธิ์นำไปจำนำ หากรับจำนำไว้โดยไม่ชอบด้วยมาตรฐานของกฎหมายดังกล่าว ผู้รับจำนำอาจไม่มีสิทธิโต้แย้งเมื่อเจ้าของทรัพย์ที่แท้จริงเขามาติดตามเอาคืน ยิ่งกว่านั้นอาจถูกดำเนินคดีอาญาฐานรับของโจรได้

การจำนำรถ จะมีผู้เกี่ยวข้องอยู่ทวิภาคี คือฝ่ายผู้นำรถไปจำนำ กับฝ่ายผู้รับจำนำ ต้องปรากฎเป็นเบื้องแรกก่อนว่าผู้ที่จะนำรถไปจำนำได้นั้นต้องเป็นเจ้าของผู้ถือสิทธิ์ขาดในรถคันที่นำไปจำนำ จะเป็นเพียงผู้มีสิทธิครอบครองอย่างนี้นำรถนั้นไปจำนำไม่ได้ เช่น เราไปซื้อรถเงินผ่อนกับบริษัทฯขายรถ ระหว่างผ่อนค่างวดยังไม่ครบถ้วน เจ้าของผู้ถือเจ้าของในรถก็คือบริษัทฯ ส่วนเราเป็นเพียงผู้มีสิทธิเป็นเจ้าของ มิใช่ผู้ถือกรรมสิทธิ์ แต่เรามักจะเข้าใจความหมายของคำว่า “เจ้าของ” สับสน คำว่า “เจ้าของ” ตามนัยของเทศบัญญัติแล้ว หมายถึง “ผู้ถือกรรมสิทธิ์” มิใช่เป็นเพียงผู้มีสิทธิครอบครองรถเท่านั้น เมื่อเป็น
เพียงผู้มีสิทธิครอบครองรถ จึงไม่มีสิทธินำรถนั้นไปจำนำไว้กับบุคคลใด ๆ สมมุติว่าเราฝ่าฝืน คือขณะที่เราเช่าซื้อรถกับบริษัทฯ กำลังผ่อนค่าผ่อนส่งอยู่ รถอยู่ในความครอบครองของเรา เราเป็นผู้ใช้รถคันนั้นอยู่ที่บ้าน แล้วเราก็นำรถคันนั้นไปจำนำเสียโดยที่เจ้าของคือบริษัทฯไม่ได้ยินยอม อย่างนี้ในทางกฎหมายถือว่าเรากระทำความผิดอาญา ฐาน ยักยอก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 มีโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ความผิดดังกล่าวเป็นโทษทัณฑ์อันยอมความได้ ถ้าผู้เสียหายไม่ไปแจ้งเหตุร้องเรียนต่อพนักงานสอบสวนภายในสามเดือนนับแต่วันรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำผิด คดีจะขาดอายุความ (ปอ.มาตรา 356, มาตรา 96) ตัวอย่างเช่น นาย ก. เช่าซื้อรถยนต์จากบริษัทหนึ่งในระหว่างการส่งค่าผ่อนส่งยังไม่ครบถ้วน นาย ก. ก็ได้นำรถยนต์นั้นไปจำนำเสีย แต่ก็ยังส่งค่างวดให้บริษัทฯตามปกติ บริษัทฯเองก็ไม่ทราบเรื่องคิดว่ารถยังอยู่กับนาย ก. เช่นเดิม เพราะเห็นมาส่งงวดทุกเดือนอย่างนี้ แม้ว่าในระหว่างผ่อนหนี้ นาย ก.จะนำรถไปจำนำ ถือเป็นการยักยอกบริษัทฯ แต่อายุความจะยังไม่นับ จะไปเริ่มนับเอาตอนที่บริษัทฯทราบว่า นาย ก.ยักยอก และตราบใดที่บริษัทฯยังมิได้ฟ้องร้องร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อให้ฟ้องอาญาต่อนาย ก.ผู้ยักยอกแล้ว อำนาจการสอบสวนก็จะไม่เกิด คือ นาย ก. จะยังไม่ต้องถูกดำเนินคดีอาญาจนกว่าบริษัทฯจะได้มีการฟ้องร้องร้องเรียนเสียก่อน แม้ว่าระหว่างนั้น นาย ก. จะเป็นผู้ยักยอกรถบริษัทฯคือนำไปจำนำแล้วก็ตาม นั่นคือขั้นตอนทางคดีกรณีเป็นคดีความผิดต่อส่วนตัว (ตกลงความได้) ง่ายๆ ก็คือ ผู้เช่าซื้อนำรถที่อยู่ระหว่างการผ่อนชำระค่างวดกับบริษัทฯรถไปจำนำ ถือว่าผิดกฎหมายอาญา มาตรา 352 ฐานทุจริต มีโทษติดคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เป็นคดีที่ยอมความได้

ในส่วนผู้รับจำนำ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ผู้รับจำนำต้องตรวจข้อพิสูจน์เกี่ยวกับรถให้ดีว่ารถที่จะรับจำนำนั้นเป็นรถของผู้นำมาจำนำหรือไม่ ตรวจดูสมุดคู่มือจดทะเบียนรถยนต์ ดูในช่องผู้ถือเจ้าของว่าเป็นชื่อของผู้นำรถมาจำนำหรือไม่ ถ้าไม่ใช่จะต้องมีหนังสือยินยอมหรือมอบสิทธิ์ของเจ้าของผู้ถือกรรมสิทธิ์ รวมทั้งสิ่งพิมพ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น สำเนาทะเบียนบ้าน บัตรประจำตัว ทะเบียนสมรส หนังสือยินยอมของคู่สมรส (ถ้ามี) และสุดท้ายก็ข้อสัญญาจำนำ สิ่งพิมพ์ทุกอย่างจะต้องให้ผู้นำรถมาจำนำลงลายมือชื่อรับรองความถูกต้องให้เป็นระเบียบ

ผู้รับจำนำที่ไม่ซื่อสัตย์ คือ รับจำนำรถที่ถูกยักยอกมา ซึ่งมิใช่รถของผู้นำมาจำนำ หากมีมุ่งหมายทุจริตอย่างนี้ คือเพื่อเสี่ยงเพราะเห็นแก่ค่าตอบแทนอันเกิดจากการรับจำนำร้อยละ 10 บาทต่อเดือน โดยไม่คำนึงถึงหลักกฎหมาย ถือว่าเข้าเกณฑ์การรับของโจร เป็นความผิดตามประมวลกฎเกณฑ์อาญา มาตรา 357 มีโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

เราจะทราบได้อย่างไรว่าคนนั้นคนนี้รับจำนำรถไว้โดยไม่ซื่อตรง มีหลักในการพิเคราะห์ว่า บุคคลนั้นหวังอะไรจากการรับจำนำ ถ้าหวังดอกเบี้ยอันเกิดจากการรับจำนำรถโดยไม่คำนึงถึงว่ารถคันนั้นเป็นรถที่ถูกยักยอกมา ถูกลักมา หรือเป็นรถที่ได้มาด้วยการกระทำความผิดอื่น (ตามมาตรา 357) คือรับไว้เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายอย่างนี้ ในทางกฎหมายก็ถือว่าผู้รับจำนำนั้นมีหมายใจทุจริต การกระทำนั้นก็เป็นความผิดฐานรับของโจร

ความผิดฐานรับของโจร เป็นความผิดต่อแผ่นดิน เป็นคดียอมความไม่ได้ ต่างกับเรื่องแรกที่ผู้เช่าซื้อยักยอกรถแล้วนำมาจำนำ และโทษทางอาญาก็ต่างกัน ฉันนั้นผู้รับจำนำที่ทุจริต มีสิทธิติดคุกฐานรับของโจร ส่วนผู้นำมาจำนำ ถ้าปรากฎว่ายักยอกทรัพย์เขามา เช่น ยืมมา เช่ามา เช่าซื้อมา เป็นต้น แล้วนำมาจำนำ อย่างนี้ ก็มีสิทธิติดตะรางฐานยักยอกได้เช่นกัน แต่โทษสถานเบากว่ารับของโจร และยังเป็นความผิดอันตกลงความได้อีกด้วย

หากคิดจะรับจำนำรถใครไว้เพื่อหวังดอกจำนำรายเดือน โปรดทดสอบรถคันนั้นให้ดีว่า เป็นรถที่ถูกต้องตามข้อบัญญัติหรือไม่ ผู้นำรถมาจำนำเป็นเจ้าของผู้ถือกรรมสิทธิ์ในรถนั้นหรือไม่ ใบแสดงหลักฐานของรถถูกต้องหรือไม่ หากพบว่าทุกอย่างถูกต้องเรียบร้อย จึงทำสัญญารับจำนำ อย่ารับจำนำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย มิฉะนั้นแทนที่จะได้รับดอกตามที่หวัง อาจจะกลายเป็นสูญเสียเงิน และสูญเสียเสรีภาพแทน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น