โรครูมาตอยด์ การรักษา

รูมาตอยด์

โรครูมาตอยด์ หรือโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis) เป็นโรคเรื้อรังชนิดหนึ่ง ที่ระบบภูมิต้านทานของร่างกายสร้างสารขึ้นมา แล้วเกิดต่อต้านตัวมันเอง คล้ายลักษณะกับโรคลูปัสหรือเอสแอลอี แต่แตกต่างกันตรงที่โรครูมาตอยด์สารดังกล่าวไปต่อต้านอวัยวะที่สำคัญที่สุด ก็คือข้อโรคนี้พบได้บ่อยส่วนมากจะพบในผู้เจ็บป่วยวัยกลางคน และพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย โรครูมาตอยด์เป็นได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย และเป็นได้เกือบทุกอายุ แต่ส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะเป็นผู้หญิง อายุ 30-40 ปี สถิติของคนไข้ที่เป็นโรคนี้ในสยาม พบประมาณ 1 ใน 100 คน ในประเทศสหรัฐอเมริกาพบผู้ป่วย โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ร้อย ละ ของประชากร ผู้ป่วยบางรายปวดมาเป็นปีแล้วเพึ่งมาตรวจ จนกระทั่งโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์กินเข้าไปในเนื้อกระดูก ทำให้ข้อหงิกงอผิดแบบ

สาเหตุของโรครูมาตอยด์
โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ เป็นโรคออโตอิมมูนชนิดหนึ่ง หรือที่เรียกว่าโรคภูมิแพ้เนื้อเยื่อตัวเอง ผู้ป่วยมีการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติ โดยเม็ดเลือดขาวสร้างแอนติบอดีต่อเนื้อเยื่อของตนเอง ตัวอย่างคือแอนติบอดีทีมีชื่อเรียกว่า “รูมาตอยด์ แฟคเตอร์”
ปัจจัยทางพันธุกรรม ยีนหลายชนิดเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ อาทิเช่น HLA-DR4 ซึ่งพบมากถึงสองในสามของผู้เจ็บป่วยโรคนี้
การติดเชื้อโรคบางชนิด พบว่าโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อบางอย่าง โดยเฉพาะการติดเชื้อไวรัส ที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของสารพันธุกรรมในเซลล์ของคนไข้ ปัจจุบันมีการเรียนรู้เรื่องนี้อย่างกว้างขวางและจะนำมาซึ่งวิถีการบำบัด รักษาโรคนี้ที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
เพศหญิงเป็นโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์มากกว่าเพศชายหลายเท่า และเมื่อเวลาอุ้มท้อง อาการของโรคมักจะสงบ หลังคลอดบุตรในช่วงปีแรก อาการของโรคจะกลับมารุนแรงได้อีกครั้ง เชื่อว่าอาจเป็นผลมาจากระดับฮอร์โมนในร่างกายที่เปลี่ยนแปลง
เหตุจากสภาพแวดล้อม พบว่าการสูบบุหรี่เพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ส่วนการดื่มชากาแฟ ไม่เพิ่มความเสี่ยงที่จะเป็นโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
แนวความคิดใหม่เกี่ยวกับกลไกการเกิดโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ พบว่าโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ไม่ได้เป็นโรคๆ เดียว แต่เป็นกลุ่มของโรคที่ก่อให้เกิดลักษณะอาการที่เหมือน ๆ กัน ดังนั้นจึงไม่สามารถอธิบายสาเหตุของโรคที่แน่ชัดได้

อาการของโรครูมาตอยด์
คนไข้มีอาการปวดตามข้อ และมีการอักเสบร่วมด้วย ลักษณะอาการก็คือ นอกจากจะปวดตามข้อแล้ว ยังมีการบวมของข้อ หรือแดงร้อนได้ หรือแค่อุ่นๆ จะรู้สึกได้ ถ้าวางมือที่ข้อทั้งสองข้างเพื่อเปรียบเทียบกัน หรือเทียบกับบริเวณผิวหนังที่อยู่ข้างๆ กัน ซึ่งอาจมีอุณหภูมิที่แตกต่างกัน ที่เด่นก็คือ ผู้ป่วยจะมีอาการข้อขัดในเวลาเช้าเป็นอีกลักษณะหนึ่งของการอักเสบ เช่น กำมือ หรือเหยียดมือไม่ค่อยได้ ส่วนใหญ่อาจเป็นนานประมาณ 30 นาที บางรายอาจกำมือหรือเหยียดมือไม่ได้จึงถึงช่วงบ่าย
สภาพระยะเริ่มแรกส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะปวดข้อ อาการบวมอาจยังไม่ชัดเจน ผู้ป่วยบางรายอาจปวดแค่ 2-3 ข้อ แต่ข้อที่มักจะเป็นมากที่สุด จะเป็นในมือและเท้า ข้อต่อนิ้วมือและข้อกลางนิ้วมือ ข้อปลายนิ้วมือไม่ค่อยเป็น และมักเป็นทั้งสองข้าง ส่วนที่เท้ามักเป็นที่ข้อเท้า และข้อของนิ้วเท้า ความร้ายแรงของโรคที่มากที่สุดอาจพบว่า มือบวมไปหมดทั้งมือ แต่ทั้งก็ยังสามารถรักษาอาการบวมได้ ถ้ารุนแรงที่สุดคือ กระดูกถูกทำลายไปแล้วถืงขั้นกระดูกหงิกงอ โรครูมาตอยด์จัดเป็นโรคข้ออักเสบเรื้อรังชนิดหนึ่งที่มีลักษณะเด่น คือ มีการเจริญงอกงามของเยื่อบุข้ออย่างมาก เยื่อบุข้อนี้จะลุกลามและทำลายกระดูกและข้อในที่สุด โรคนี้มิได้เป็นแต่เฉพาะข้อเท่านั้นยังอาจมีอาการทางระบบอื่นๆ อีก เช่น ตา ประสาท กล้ามเนื้อ เป็นต้น เมื่อเป็นโรครูมาตอยด์ เยื่อบุข้อจะมีการเติบโตและมีการหนาตัว จากนั้นจะแผ่ขยายทำลาย ระดูกและข้อในที่สุด ในระยะแรกผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอาการอ่อนเพลีย ปวดตามข้อ มีอาการฝืดขัดข้อเป็นเวลานานในตอนเช้า เมื่อมีท่าทีชัดเจนข้อจะมีการบวม ร้อน และปวด โรคนี้สามารถเป็นได้กับทุกข้อของร่างกาย แต่ที่พบได้บ่อยคือ ข้อของนิ้วมือ ข้อมือ ข้อเข่า ข้อเท้า และข้อนิ้วเท้า สภาพของข้ออักเสบจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ในบางรายอาจมีอาการน่ากลัวแบบเฉียบพลันได้ บางรายอาจมีไข้ เบื่ออาหาร และน้ำหนักลดร่วมด้วยได้ ในรายที่มีอาการโคม่าอาจมีอาการทางระบบตา ปอด และมีปุ่มขึ้นตามตัวได้

การวินิจฉัยโรครูมาตอยด์
การพินิศจัยโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ จำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยให้เร็วที่สุด และรับการเยียวยารักษาอย่างถูกต้องตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนและความพิการที่จะเกิดขึ้น การตรวจหาสารรูมาตอยด์ในเลือด เป็นการตรวจหาออโตแอนติบอดี้ต่อส่วน Fc ของอิมมูโนโกลบูลินชนิด IgG สามารถตรวจพบได้ประมาณร้อยละ 70-80 แต่สารนี้สามารถตรวจพบได้ในโรคข้ออักเสบอื่นๆ ที่ไม่ใช่โรครูมาตอยด์ ตรวจพบได้ในโรคติดเชื้อบางอย่าง หรือตรวจพบได้ในคนปกติ ดังนั้นการตรวจพบสารนี้จะไม่ได้บอกว่าผู้ป่วยเป็นโรครูมาตอยด์แต่จะใช้ในการ สนับสนุน การพินิศจัยโรคในระยะแรกผู้เจ็บป่วยอาจสังเกตุได้ยากว่าป่วยเป็นโรครูมาตอยด์ หรือเปล่า เพราะว่าอาการยังไม่ชัดเจนต้องอาศัยการเจาะเลือดช่วยดูว่าอักเสบ หรือเปล่า หรือบางรายอายุยังน้อย แต่ถ้าผู้สูงอายุแล้วมีอาการปวดควรต้องพบคุณหมอว่าเป็นโรครูมาตอยด์หรือข้อ เสื่อมแต่ถ้าบางรายที่พบว่ามีอาการบวม อย่างชัดเจน ควรต้องมาพบแพทย์ การตรวจทางรังสี ในระยะแรกจะไม่เจาะจง ถ้าเป็นมานานเกินหนึ่งปี จะพบการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนมากขึ้น พบบ่อยในตำแหน่งของข้อมือ ข้อนิ้วเท้า หรือเท้า ก่อนที่จะเกิดกับข้อใหญ่ จะเป็นประโยชน์ในการพยากรณ์ความรุนแรงของโรคและติดตามการระวังรักษาต่อไป

แนวทางการรักษาโรครูมาตอยด์ คลิก อาธริน็อกซ์ Arthrinox (รูมาตอยด์)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น